วิวัฒนาการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ของ อีซูซุ ดีแมคซ์

ISUZU D-MAX เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ตัวรถใหม่หมดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริง ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยนที่ออกแบบเพื่องานบรรทุกโดยเฉพาะ และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ หันมาใช้ระบบควบคุมแบบกดปุ่มด้วยระบบไฟฟ้าในชื่อ Touch-On-The-Fly โดยมีวิวัฒนาการ 2 Model ดังนี้

รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2545 - 2554)

อีซุซุ ดีแมคซ์ รุ่นที่ 1

พ.ศ. 2545

  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยรุ่นตอนเดียว(SPARK EX) รุ่นแค็บ(SPACECAB) และรุ่นแค็บขับเคลื่อนสี่ล้อ (RODEO LS) พร้อมเครื่องยนต์ 4JA1-T 2500cc 79 แรงม้า แรงบิด 176 นิวตัน-เมตร เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ มีในรุ่นตัวเตี้ยทุกรุ่น และ เครื่องยนต์ 4JH1-t 3000cc มากับพละกำลัง 120 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตัน-เมตร เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด[1]
  • เปิดตัวรุ่น 4 ประตู (CAB4) ในปลายปีเดียวกัน

พ.ศ. 2546

  • เปิดตัวรุ่น HI-LANDER ซึ่งเป็นรถกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง มีทั้งรุ่นแค็บและสี่ประตู มีเครื่องยนต์ 3000cc อย่างเดียว และมีการปรับอุปกรณ์เช่น คาดบังแดดที่กระจกหน้า ช่วงล่าง Flex Plus ในรุ่น CAB4 และเพิ่มรุ่น CAB4 SX และ SL

พ.ศ. 2547

  • เปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งที่ 1 โดยได้เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่, กันชนหน้า-หลังใหม่ และล้อลายใหม่ พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC 144 แรงม้า กับ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 114 แรงม้า ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO 3[2]

พ.ศ. 2548

  • มีการปรับอุปกรณ์ โดยเพิ่มกระจกข้างแบบมีไฟเลี้ยว และเพิ่มความสูง 25 มม. ในรุ่นยกสูง (ยกเว้นรุ่น SPARK EX, SL และ SX)

พ.ศ. 2549

  • เปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งที่ 2 พร้อมเครื่องยนต์ 4JJ-TCX เทอร์โบแปรผัน ให้กำลัง 163 แรงม้า มีเฉพาะรุ่น 4 ประตู Cab4 LS ส่วนรุ่น SL และ SX ติดตั้งพวงมาลัยเพาเวอร์ให้แล้ว รุ่นนี้เรียกว่า รุ่นไฟเอียง หรือรุ่นข้าวหลามตัด และเพิ่มเครื่องยนต์ 2,500cc ใน Hi-Lander และ Rodeo LS[1]

พ.ศ. 2550

  • เปิดตัว Gold Series หรื่อรุ่นเลี่ยมทอง โดยเปลี่ยนตรายี่ห้อที่กระจังหน้า, พวงมาลัย, และฝาท้ายเป็นสีทอง เพิ่มสติ๊กเกอร์ Gold Series ที่แก้มกระบะใกล้ๆ ไฟท้าย ไฟเบรกที่หัวเก๋งเป็นสีขาว LED ย้ายเสาวิทยุจากตรงประตูคนขับด้านบน มาไว้ตรงกลางหัวเก๋งและเสาสั้นลง (ยกเว้น SL และ SX) ฝาครอบเครื่องเป็นสีทอง เพิ่มกระจกมองข้างแบบมีมุมโค้ง(ยกเว้น SL และ SX) และเพิ่มเครื่อง VGS Turbo ใน Hi-Lander 4 ประตู และมีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่คือ รุ่น SLX Smart[1]

พ.ศ. 2551

  • เปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งที่ 3 โดยใช้ชื่อรุ่น Platinum โดยเอากระจังหน้าโครเมี่ยมของรุ่นขับสี่ของรุ่นปรับโฉมครังที่ 2 มาใส่ในรุ่นตัวเตี้ย เพิ่มการ์ดกันกระแทกบริเวณประตูเชื่อมล้อหน้าถึงล้อหลัง ฝาครอบกระจกยกเลิกแบบสีเดียวกับรถ เปลี่ยนมาใช้แบบโครเมี่ยม(ยกเว้นรุ่น SX เหมือนเดิม) กันชนท้ายรุ่น SLX เปลี่ยนลายใหม่ เพิ่มสีดำที่ด้านล่างของกันชน เพิ่มขอบโครเมี่ยมครอบฐานคันเกียร์ เปลี่ยนฝาครอบเครื่อง จากสีทองเป็นสีแพลตทินั่ม รุ่นยกสูงทุกรุ่นใช้ล้อลายใหม่ 6 ก้านคู่ กระจังของรุ่นยกสูงทุกรุ่นเปลี่ยนลายเขี้ยว บางรุ่นเพิ่มกล้องมองหลังที่ฝาท้าย มีการเพิ่มสีแดงในรุ่น 4x4 นอกจากนี้มีการเพิ่มรุ่น Hilander Smart คือรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูงที่มีการทอนออปชั่นลงเท่า SLX smart[1] และยกเลิกรุ่น SL

พ.ศ. 2552

  • เปิดตัว Super Platinum โดยเอากระจังหน้าลายเขี้ยวโครเมี่ยมใส่ในทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น smart เป็นลายเขี้ยวของรุ่นยกสูง Platinum เดิมตอนเดียวไม่เปลี่ยนอะไร เพิ่มกรอบโครเมียมครอบไฟตัดหมอก ปรับระบบเครื่องเสียงใหม่ และระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ i-Genii รุ่นยกสูงได้ล้ออัลลูมิเนียมดีไซน์ปัดเงา และเพิ่มการ์ดกันชนหน้า ใช้แบบกระจกมุมกว้างทุกรุ่น ยกสูงจะเป็นสีเทา ขับสี่จะเป็นสีดำ รุ่นสี่ประตูยกสูงห้องโดยสารจะมีสีเบจให้เลือก รุ่นเครื่อง 3000 เพิ่มฝาครอบปากจมูกทางลมเข้าอินเตอร์คูลเลอร์เป็นสีใหม่[1]

พ.ศ. 2553

  • เปิดตัวรุ่นพิเศษ X-Series มี 3 รุ่นคือ Speed, Hi-Lander และ LS 4X4
  • เปิดตัว Super Titanium โดยได้เพิ่มการ์ดกันชนหน้า, บันไดข้าง, กรอบไฟตัดหมอก จะเป็นสีใหม่ ไทเทเนียม และมีชุดแต่ง Stylish Chrome ชุดโครเมี่ยมที่ขอบหน้าต่าง และคิ้วกันกระแทกด้านข้าง ส่วนรุ่น LS การ์ดกันชนหน้า และบันไดข้างเป็นสีดำ และได้ติดตั้งกล้องส่องภาพด้านหน้าปรับได้ถึง 4 ระดับ เป็นครั้งแรกในวงการกระบะเมืองไทย ส่วนระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ i-Genii จะมากับดีไซน์ ไอคอนเมนูใหม่ Scrolling 3D icon และทำการอัพเกรดซอฟต์แวร์ใหม่, แผนที่ใหม่ แสดงผลแบบ 3 มิติ โดยทำการเพิ่ม Junction View แสดงภาพป้ายถนน และทางแยกที่สำคัญๆ แบบเสมือนจริง พร้อมมี Lane Guide ระบุช่องทางเดินรถที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีการเพิ่ม POI (Point of Interest) อีกกว่า 440,000 จุดทั่วประเทศ รวมถึงเมนูค้นหา ศูนย์บริการอีซูซุ ในละแวกใกล้เคียง และยังเพิ่มเสียงนำทางอีกกว่า 10 ภาษา พร้อมแผนที่ ไทย-อังกฤษ อีกด้วย[1]

พ.ศ. 2554

  • ยุติการทำตลาด

รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2554 - 2562)

อีซุซุ ดีแมคซ์ รุ่นที่ 2

อีซูซุ ดีแมกซ์ รุ่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2554 ภายใต้รหัส Model RT50 โดยได้เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก รุ่นนี้ถูกออกแบบให้มีรูปทรงโค้งมนล้ำอนาคตพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ Isuzu Insight โดยทำตลาดดังนี้

พ.ศ. 2554

  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีทั้ง Spark, Spacecab, Cab4, Hi-Lander และ V-Cross มีรุ่น B, S, L, Z , Z DVD และ Z-Prestige

พ.ศ. 2555

  • มีการเปลี่ยน เสาอากาศ จากเดิม แบบเส้นยาว เป็น เสาอากาศ Shark Fin Antenna และ เปลี่ยนจอ DVD จากเดิม แบบ Kenwood เป็น Isuzu Media Solutions ในรุ่น Z-Prestige
  • เปิดตัว X-Series มี Speed และ Hi-Lander

พ.ศ. 2556

  • เปิดตัว Super Daylight ในงาน Motor Expo 2013
  • เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ Spark 4X4

พ.ศ. 2557

  • มีการเปลี่ยนกระจังหน้าแบบโครเมียมในรุ่น L และ Z รุ่นตัวเตี้ย เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่นและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ในรุ่น Z-Prestige
  • มีการเพิ่มสีแดงในรุ่น X-Series

พ.ศ. 2558

  • มีการเปิดตัว Isuzu D Max 99th anniversary Edition รุ่นพิเศษฉลองวาระ 99 ปี ผลิต 999 คัน จำนวนจำกัด[3]
  • เปิดตัวรุ่นปรับโฉม พร้อมเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ 1.9 DDI Blue Power รหัส  RZ4E-TC ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic[4] โดยจำหน่ายเกียร์ธรรมดาอย่างเดียว

พ.ศ. 2559

  • มีการจำหน่ายเกียร์อัตโนมัติตามมา
  • เปิดตัวรุ่นพิเศษ V-Cross Limited
  • เปิดตัว X-Series 1.9 DDI Blue Power
  • มีการปรับอุปกรณ์ใหม่ โดยเพิ่มระบบ Cruise Crontrol ใน Z A/T และ Z-Prestige และได้เพิ่มไฟหน้า Projector พร้อม Silver Ring ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังได้หน้าจอใหม่ KENWOOD พร้อม Built-in Navigator ขนาด 7 นิ้ว ในรุ่น Z-Prestige และเพิ่มระบบ HDC (Hill Descent Control)  ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ตั้งแต่รุ่น Z A/T ขึ้นไป[4]
  • เปิดตัว V-Cross Max 4X4

พ.ศ. 2560

  • เปิดตัวรุ่นพิเศษ Hi-Lander Limited จำนวนจำกัด
  • เปิดตัวรุ่นปรับโฉมรอบที่ 2 โดย เปลี่ยนล้ออัลลอย 6 ก้านคู่ 18 นิ้ว ใน Hi-Lander และ V-Cross , กระจังหน้าใหม่ และไฟหน้าใหม่ ส่วนภายในตกแต่งด้วย Piano Black

พ.ศ. 2561

  • เปิดตัว X-Series โดยเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ Speed Cab4
  • เปิดตัวรุ่นพิเศษ Hi-Lander Stealth พร้อมเปลี่ยนกันชนท้าย และล้ออัลลอย ในรุ่น Z, Z DVD และ Z Prestige ใน Hi-Lander 4 ประตู, Z-Prestige Hi-Lander 2 ประตู และ V-Cross Z DVD

พ.ศ. 2562

  • มีการเพิ่มตัวถัง 2 ประตูในรุ่น Stealth

รุ่นที่ 3 (พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน)[5]

อีซุซุ ดีแมคซ์ รุ่นที่ 3

พ.ศ. 2562

  • อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นที่ 3 ได้ทำการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562 พร้อมคำขวัญว่า พลานุภาพพลิกโลก